หัวใจเปลี่ยนตามกาลเวลา
อลิซหลงรักหนุ่มนักรบอายุมากกว่า 200 ปีเข้าอย่างจัง เขาจะรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไร
ผู้เข้าชมรวม
109
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่1: มนุษย์ถ้ำ
คุณเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ ไหม? หากคุณคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝันสำหรับคนที่ไม่ยอมรับความจริง หรือคิดว่ามันเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก ฉันอยากให้คุณลองเปิดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันเพราะสิ่งที่ฉันจะเล่าต่อจากนี้มันคือเรื่องจริง...
มันเป็นเรื่องของชายหนุ่มนักรบแห่งอาณาจักรเวทมนต์ ที่มีอายุมากกว่า 200 ปี ใช่คุณอ่านไม่ผิดหรอกเขามีอายุมากกว่า 200 ปี หากเทียบกับฉันตอนนี้ฉันอายุ 24 ปี ซึ่ง คุณอาจจะตั้งคำถามว่าเขาเป็นอมตะเหรอ หรือว่าเขาเป็นผีดูดเลือด เปล่าเลยเขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่โชคชะตาเล่นตลกกับเขาเท่านั้น ประวัติของเขามีอยู่ว่าเมื่อ 200 ปีที่แล้วเขาเป็นนักรบที่กล้าหาญ และเก่งกาจที่สุดในอาณาจักรเวทมนต์ เขาเป็นลูกครึ่งคนกับแม่มดแต่น่าเสียดายเขาไม่มีความสามารถทางด้านเวทมนต์เลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงกลายเป็นนักรบคนเดียวที่เป็นเพียงคนธรรมดาไม่มีวิชาอะไร เขาฝึกฝนด้านการต่อสู่เพื่อไม่ให้ตนเองด้อยกว่าผู้ใด จนเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ และไม่ใครที่จะเทียบเทียมเขาได้ จนวันหนึ่งโชคชะตาได้นำพาเขามาพบกับองค์หญิงแห่งอาณาจักรเวทมนต์ งดงามและอ่อนหวาน เขาทั้งสองรักกัน เรื่องไปถึงหูบิดาขององค์หญิง เขาไม่พอใจอย่างมากที่ลูกสาวไปรักกับทหารผู้ต้อยต่ำ จึงสั่งให้แม่มดแก่ผู้ชั่วร้ายสาปเขาให้กลายเป็นน้ำแข็ง แม่มดนำร่างของชายหนุ่มที่ห่อหุ้มไปด้วยน้ำแข็งไปเก็บไว้ในถ้ำน้ำแข็งซึ่งไม่มีวันละลาย... ผ่านมาเป็นเวลา 200 ปี เมื่อโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลง มนุษย์ทำร้ายโลกมากขึ้นทุกวัน เกิดสภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งละลาย…..นั่นแหละโลกร้อนใช่ว่าจะแย่ไปทุกเรื่อง ดูสิดวงอาทิตย์พาใครมาหาฉัน
ฉันชื่อลิซ ฉันเป็นนักล่าสมบัติ ฉันกับพ่อเราออกเดินทางไปทุกที เสี่ยงอันตรายแทบทุกรูปแบบเพียงเพื่อของของชิ้นเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีราคาด้วยซ้ำ แต่มันคือชีวิตของฉันกับพ่อเรารักในการเดินทาง รักในการผจญภัย จนสิ่งของที่ได้มาจากที่ต่างๆ แทบจะไม่มีที่วางในบ้าน พ่อตัดสินใจสร้างแกลอรี่เพื่อจัดแสดงสิ่งของ วัตถุโบราณ หลายยุคหลายสมัยเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาดูงาน และมันได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักโบราณคดี นักศึกษา และนักท่องเที่ยว ตอนนี้พ่อออกเดินทางไปทวีปแอฟริกา เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่พ่อไม่กลับมาเหยียบบ้าน ฉันต้องเป็นคนดูแกแกลอรี่แห่งนี้ และบางครั้งที่ฉันได้รับข่าวสารจากวงในเรื่องสถานที่ที่น่าจะมีวัตถุโบราณ ฉันจะออกเดินทางเพื่อตามหามัน
และครั้งนี้เป็นครั้งที่เปลี่ยนชีวิตของฉัน ฉันได้รับข่าวว่ามีหีบสมบัติอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวน ไม่เคยมีใครได้พบถ้ำแห่งนี้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ประจำเขตป่าสงวนก็ไม่เคยได้พบเห็น ฉันใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการขับรถมาที่เขตป่าสงวนแห่งนี้ แต่เที่ยวนี้มีเพื่อนรู้ใจที่อาสาขอมาด้วย แม็กกี้ ตุ๊กนรก ใช่แม็กเป็นเกย์ที่มีโลกส่วนตัวสูงสุดๆ ร่างกายกำยำ ใครอย่ามาแหยมกับนางนะคะ นางปากไวยิ่งกว่าปากกรรไกร แต่มีแม็กมาด้วยมันก็ทำให้ให้การเดินทางครั้งนี้ มันดูมีสีสันขึ้นหน่อย เพราะส่วนใหญ่ฉันจะออกเดินทางคนเดียว ฉันคิดว่าการหาหีบสมบัติในครั้งนี้ไม่น่ายากเหมือนครั้งอื่นๆ เพราะสถานที่บอกไว้ชัดเจน เหลือแค่ฉันต้องหามันให้เจอ
“อลิซทำไมแกถึงชอบนักนะ เรื่องสมบัติบ้าบออะไรนี่ฉันไม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจตรงไหนเลย” แม็กเดินบ่นไม่หยุดตั้งแต่เข้ามาในเขตป่าสงวน พลางแหวกใบไม้ใบหญ้าที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความหงุดหงิด
“ก็ของเก่ามันมี Story น่าค้นหา ฉันชอบความท้าทาย แกลองคิดดูสิว่าครั้งนี้หีบที่ฉันต้องการหาครั้งนี้ มันจะมีอะไรอยู่ข้างในนั้น อาจจะเป็นทอง เพชร หรืออาจจะไม่มีอะไรเลย” ฉันยกแผนที่ในมือขึ้นมาดู พร้อมอธิบายให้แม็กรู้ถึงเหตุผลของการตามหาสิ่งต่างๆ ของฉัน
“แต่ก็ไม่เห็นต้องบุกป่าฝ่าดงมากันสองคนแบบนี้นี่นา ฉันละคันไปทั้งตัวและ” แม็กบ่นพลางใช้มือลูบตามเนื้อตามตัว
“แกเลิกบ่นได้ไหม ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมาอยู่ที่บ้านพักนั้นแหละ” ฉันหยุดเดินแล้วหันไปมองแม็กที่เดินตามมาจนต้องหยุดชะงัก
“ก็ใครจะให้เพื่อนเข้ามาในป่าคนเดียวหละ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมให้เขานำทาง”
“เหรอ... ถ้าห่วงฉันนะแกก็ควรหุบปากซะ เพราะยิ่งแกเสียงดังมากเท่าไหร่ เสือเอย หมีเอย ก็จะแห่กันมากินพวกเรา แล้วแกก็ลืมไปได้เลยเรื่องผู้ชายทั้งหลายของแก”
“บ้า ใครเขาให้พูดแบบนี้กลางป่ากลางดงแบบนี้หละ” แม็กทำหน้างอ แล้วเดินชนไหล่ฉันนำหน้าไป
“นำหน้าแล้วรู้ทางเหรอ” ฉันตะโกนไล่หลังแม็ก
“ก็มานำสิ ช้าอยู่ได้” แม็กหันมาค้อนฉัน
เราเดินเข้ามาลึกเรื่อยๆ อากาศก็ร้อนขึ้น แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะมีถ้ำสักถ้ำ แม็กบอกให้หยุดพักก่อนฉันก็เห็นด้วย เพราอากาศตอนนี้มันแย่จริงๆ ฉันนักพักอยู่ใต้ต้นไม้เอาแผนที่ขึ้นมาดูอีกที ฉันไม่แน่ใจว่าฉันพลาดตรงไหน
“อลิซ ฉันปวดฉี่” อยู่ๆ แม็กก็พูดขึ้นมา แถมมองตาปริบๆ
“ก็ไปซิ ใครห้ามแกเนี่ย นู่นๆ หลังตอนไม้ใหญ่นู่น” ฉันชี้ไปข้างหน้าที่มีต้นไม้ใหญ่ประมาณ 10 คนโอบได้
“อย่าหนีฉันนะ” แม็กบอกฉัน แล้ววิ่งไปหลังต้นไม้นั้นทันที
“ต้นไม้ใหญ่ก็อยู่ตรงนี้แล้ว เดินขึ้นเหนือก็จะเจองั้นเหรอ ทางเหนือต้นไม้ก็ขวางอยู่นี่ หรือว่า” และฉันก็ถึงบางอ้อ ในแผนที่ไม่ได้บอกผิด หลังต้นไม้นั่น ใช่แล้ว
ฉันรีบวิ่งไปหลังต้นไม้ทันที ถ้ำต้องอยู่หลังต้นไม้นี้แน่ๆ เพราะขนาดของลำต้นคงบดบังทางเดินหมด
“ว๊าย !! ฉันยังฉี่ไม่เสร็จนะ” แม็กตกใจที่ฉันวิ่งมาหาเขา จนหันหลังให้แทบไม่ทัน
“แม็กฉันเจอแล้ว ถ้ำ นั่นไง” ฉันชี้ให้แม็กดู แม้จะมีเถาวัลย์ปกปิดเต็มไปหมดแต่ก็ยังสามารถเห็นได้ชัดว่าตรงนั้นมีถ้ำอยู่
“เออ ฉันดีใจด้วยแต่ตอนนี้ฉันยังปล่อยไม่หมด” แม็กเอามือมาทุบต้นไม้ เป็นเชิงโมโห
“งั้นแกค่อยตามฉันมาแล้วกันนะ” ฉันไม่รอช้าที่มุ่งหน้าไปหามัน ตอนนี้หัวใจของฉันมันเต้นรัว เหมือนกับทุกๆครั้งที่ฉันใกล้จะถึงจุดหมาย ฉันอยู่ตรงปากถ้ำและหยิบไฟฉายออกมาเปิด และส่องเข้าไป ถ้ำนี้เป็นถ้ำเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก ไม่มีแม้แต่ขี้ค้างคาวให้เห็น และก็คงไม่ลึกมาก
“รอด้วย” แม็กวิ่งเอามือมาเกาะแขนฉัน
“เอามือของแกออกไปนะ ล้างมือหรือยังอ่ะ” ฉันเบี่ยงตัวออก และหันไปถามแม็ก
“ล้างแล้วยะ นี่หลักฐาน” แม็กชูขวดเปล่าขึ้นมาให้ดู
“แล้วไป ฉันคิดว่าถ้ำนี่มันแปลกๆ ไม่มีแม้แต่ค้างคาว นกซักตัวยังไม่มี”
“งั้นกลับเถอะแก”
“มาขนาดนี้แล้ว ต้องหาหีบให้เจอ” ฉันเดินอย่างค่อยๆ พลางสาดไฟไปรอบๆ ถ้ำ แล้วหางตาฉันก็ไปสะดุดเห็นวัตถุขาวๆ บริเวณลึกสุดของถ้ำ “ฉันว่าฉันเห็นบางอย่าง”
“ไหนแก” แม็กชะโงกหน้าเชิงอยากรู้อยากเห็น
“นั่นไง” ฉันส่องไฟไปตรงบริเวณเดิม และที่เห็นก็คือ
“คน !!!!!!!!” ฉันกับแม็กร้องเสียงหลงพร้อมกัน เบื้องหน้าที่เราเห็นคือ ผู้ชายเปลือยกาย ก้นขาวจั๊ว นั่งขดอยู่ผิวขาวซีดอย่างกับคนตาย ตัวสั่น ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
“มนุษย์ถ้ำ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! หนีเร็ววววววววววววว” แม็กแหกปากร้องบอกให้หนี พลางพยายามลากตัวฉันออกจากถ้ำ
“ปล่อยแม็ก ฉันไม่คิดว่ายุคนี้จะมีมนุษย์ถ้ำหรอกนะ” ฉันหันไปบอกแม็กเพื่อให้ตั้งสติ ดูเหมือนว่ายัยตุ๊ดนี่สติจะแตก
“ระ เหรอ”
“แกรอฉันตรงนี้นะ ฉันจะเข้าไปดูว่าเขาเป็นใคร” ฉันวิ่งเข้าไปหาร่างนั้นทันที ปล่อยให้แม็กยืนสติแตกขาแข็งอยู่ตรงนั้น
เมื่อยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ฉันก็เห็นชัดขึ้นเขาเป็นผู้ชายตัวสูง ร่างกายดูแข็งแรงดี แต่ผิดที่ผิวของเขามันขาวซีด เหมือนคนไม่เจอแดดมานาน เมื่อมาถึงตัว ฉันนั่งขุกเข่าแล้วใช้มือแตะไปที่ตัวของเขา ตัวของเขาร้อนจี๊ ฉันคิดว่าเขาคงไม่สบายแน่ๆ ตอนนี้เขาหมดสติ ตัวสั่นไปหมดคงเพราะหนาว
“แม็กเข้ามาช่วยหน่อยเร็ว เขาหมดสติ” ฉันตะโกนเรียกแม็กให้มาช่วย
“ผู้ชายนี่” แม็กพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึง
“เราต้องช่วยเขา ถอดเสื้อมาหน่อย”
“หะ !! ไม่มีทาง” แม็กเมินหน้าหนี
“แม็ก เขากำลังจะตาย” ฉันหันไปพูดเตือนสติแม็ก
“ก็ได้” แม็กทำหน้างอนก่อนจะยอมถอดเสื้อ
ฉันขยับไปด้านหลังของชายหนุ่ม แล้วจับไหล่ของเขาเอนตัวเข้ามาหาฉัน เพื่อจะได้ใส่เสื้อ ตัวของเขาหนักจริงๆ ในขณะที่ฉันพยายามเอนตัวของเขา ศีรษะของเขาเงยมาพิงกับไหล่ซ้ายของฉัน แก้มอุ่นๆ ของเขา แนบกับแก้มของฉัน จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ปากบางๆ สีแดงสดเหมือนผลของเชอร์รี่แม้จะอยู๋ในที่มืดแต่ก็เห็นได้ชัด คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน ลมหายใจแผ่วเบา คล้ายกับจะสิ้นใจ และสิ่งไม่คาดคิดในใจของฉันก็เกิดขึ้น “ฉันจะช่วยคุณเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าคุณจะหนีใครมา ฆ่าใครตาย ฉันจะไม่มีวันทิ้งคุณ” และนั่นเป็นครั้งแรกที่หัวใจฉันมันไม่ยอมฟังใคร และมันบอกแบบนั้น
“ดูเจ้าหนูของเขาสิไม่ธรรมดานะเนี่ย แต่ทำไมมันดูไม่มีชีวิตชีวาเลยนะ” แม็กนั่งก้มหน้าก้มตาพิจารณาอะจึ๋ยๆ ของหมอนี่ตาไม่กระพริบ
“แม็ก ! เลิกจ้องไอ้นั้นซักทีเถอะ” ฉันตวาดแม็ก
“เธอก็ดูซิ” แม็กชี้ขวนให้ฉันดู ก่อนที่ฉันจะเมินหน้าหนี
“ใส่เสื้อ !!!”
เมื่อใส่เสื้อให้ชายผู้น่าสงสารคนนี้เสร็จแล้ว ฉันกับแม็กก็มองหน้ากัน
“แม็ก เราต้องพาเขาออกไป” ฉันมองหน้าแม็กอย่างจริงจัง
“จะทำยังไง สัญญาณในป่านี้ก็ไม่มี ติดต่อใครก็ไม่ได้”
“...” ฉันจ้องหน้าแม็ก แม้จิตใจจะอ่อนไหว แต่ร่างกายของแม็กก็แมน 100 %
“…” แม็กส่ายหน้าให้ฉัน เมื่อรู้ความคิดของฉัน
“แกต้องแบกเขาออกจากที่นี่”
“ไม่ !!!!” แม็กปฏิเสธคำขาด
“ไม่งั้นฉันจะบอกพ่อแก ว่าลูกชายคนเดียวของเขา.....”
“เออๆๆ แบกก็แบก ก่อนอื่นเธอหาอะไรมาคลุมท่อนล่างหน่อยซิ ฉันไม่อยากให้ไอ้หนูของเขาเสียดสีกับหลังของฉัน ไม่งั้นไม่เป็นอันเดินเลยทีเดียว และอย่าบอกให้ฉันถอดกางเกง เพราะจากที่หมอแก้ผ้า จะกลายเป็นฉันแก้ผ้าแทน”
ฉันเอาผ้าบาติก ที่พกเป็นประจำเอามาพันรอบเอวเขา มันค่อยข้างยากที่จะพันไปและหลับตาไป มือของฉันมันจึงเฉี่ยวนู่นเฉี่ยวนี่ไปเรื่อย กว่าจะเสร็จก็เหงื่อตกไปตามๆกัน
และหลังจากนั้นเกย์หนุ่มก็ทำการแบกชายผู้น่าสงสารคนนี้ขึ้นหลัง และเดินทางกลับทันที ระหว่างที่เดินกลับในหัวของฉันเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ว่าเขามาจากไหน ทำไมถึงมาอยู่ในสภาพนี้ ฉันต้องรู้ให้ได้ เพราะฉันหลงรักเขาเข้าซะแล้ว
ไม่มีใครที่จะสามารถรู้เหตุผลที่แท้จริงของหัวใจได้ เหมือนกับหัวใจฉันในตอนนี้ฉันไม่อาจปฏิเสธมันได้เลย
ผลงานอื่นๆ ของ แมงบิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แมงบิน
ความคิดเห็น